หน้าเรียว ยกกระชับ ผิวแน่นตึง พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน

การร้อยไหมคืออะไร

V-Shape Thread Lifting  การร้อยไหมยกกระชับใบหน้า  เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางความงามที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในวงการความงาม เพราะให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ในการยกกระชับผิวหน้าและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด

โดยใช้ไหมละลายที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินใส่เข้าไปใต้ชั้นผิว เส้นไหมจะมีเงี่ยงเล็กๆ ที่ช่วยยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง เมื่อแพทย์ดึงเส้นไหม จะทำให้ผิวถูกยกขึ้นตึงขึ้นและกระชับตามทิศทางที่ต้องการ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอิลาสตินให้ผิวแข็งแรงและอ่อนเยาว์

โดยไหมที่ใช้เป็นชนิดละลายได้ ซึ่งจะค่อยๆ สลายตัวไปโดยไม่ทิ้งสารตกค้าง

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับใบหน้า หรือปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีหลังทำ และจะชัดเจนยิ่งขึ้นในอีก 1-2 เดือนต่อมา ซึ่งสามารถอยู่ได้นานประมาณ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และชนิดของไหมที่ใช้

การร้อยไหมช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

การร้อยไหมเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการยกกระชับผิวหน้าและฟื้นฟูความอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นได้ชัดเจน

• ผิวหน้าหย่อนคล้อย: ช่วยยกกระชับผิวให้ตึงขึ้น
• รูปหน้าไม่ได้สัดส่วน: ปรับรูปหน้าให้เรียว และได้สัดส่วนมากขึ้น
• ริ้วรอยบนใบหน้า: ลดเลือนริ้วรอยแรกเริ่มถึงปานกลาง ช่วยให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์
• ผิวหน้าหมองคล้ำ: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และการสร้างเส้นเลือดใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสขึ้น
• แก้มตก: ยกแก้มให้อิ่มเต็มขึ้น
• คางไม่ชัด: เสริมคางให้เรียวและเห็นชัดเจนขึ้น
• ใต้คางหย่อนคล้อย: กระชับผิวใต้คาง เหนียง ให้ตึงกระชับขึ้น
• ร่องแก้มลึก: ลดความลึกของร่องแก้ม ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
• คิ้วตก: ยกคิ้วให้โค้งสวยขึ้น
• จมูกบานหรือปลายจมูกตก: ยกปลายจมูกให้เรียวขึ้น พุ่งขึ้น ช่วยให้สันจมูกโด่ง เรียว คมชัด มีมิติมากยิ่งขึ้น
• ปัญหาผิวบริเวณลำคอ: ยกกระชับผิวบริเวณลำคอให้ตึงขึ้น
• ผิวหน้าขาดความยืดหยุ่น: เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง

1. ผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
2. ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ผ่าตัด
3. ผู้ที่มีริ้วรอยแรกเริ่มถึงปานกลาง
4. ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
5. ผู้ที่มีปัญหาแก้มตก หรือใต้คางหย่อนคล้อย
6. ผู้ที่ต้องการเสริมคางให้ชัดเจนขึ้น
7. ผู้ที่ต้องการยกคิ้ว หรือปรับทรงจมูก
8. ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้เร็วและฟื้นตัวไว
9. ผู้ที่ไม่พร้อมหรือไม่ต้องการทำศัลยกรรม
10. ผู้ที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
11. ผู้ที่ไม่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด
12. ผู้ที่ไม่แพ้วัสดุที่ใช้ทำเส้นไหม

อย่างไรก็ตาม การร้อยไหมอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมากเกินไป

ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ หรือสตรีมีครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจทำ

V-Shape Thread Lifting : Molding 360 Crystal Twist

ที่ NYC Clinic เราใช้ไหมหลากหลายชนิด หลากหลายรูปแบบ ที่เหมาะสมกับบริเวณต่างๆ ใช้ไหมคุณภาพ Premium เท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

ใช้ไหมเงี่ยงแบบใหม่ แบบหล่อ เส้นใหญ่ เงี่ยงแข็งแรง มีแรงเกาะและยกกระชับผิวได้ดี เทียบเท่ากับการผ่าตัดดึงหน้า

ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการร้อยไหม ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย โดยไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา  

NYC Clinic ได้รับรางวัลคลินิกที่ใช้ไหมมากที่สุดในประเทศ

ร้อยไหมอันตรายไหม

หลายคนกังวลว่าร้อยไหม อันตรายไหม ทำให้ลังเลที่จะเข้ามาร้อย จริงๆ แล้วการร้อยไหมไม่เป็นอันตราย และค่อนข้างปลอดภัยค่ะ ถ้าหากร้อยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ และร้อยด้วยวิธีที่ถูกต้อง วางไหมในชั้นผิวหนังที่ถูกต้อง และเลือกใช้ไหมที่มีคุณภาพ เลือกให้เหมาะกับปัญหาและสภาพผิว และเลือกใช้บริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐานนะคะ

ข้อดี ข้อเสีย และผลข้างเคียงจากการร้อยไหม

ข้อดีของการร้อยไหม คือ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ให้ผิวแน่นตึง ยกกระชับ ลดริ้วรอย ร่องลึก โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม สามารถทำได้หลายบริเวณ แก้ปัญหาได้หลากหลาย เห็นผลลัพธ์ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น ค่อนข้างปลอดภัยถ้าทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ไหมที่คุณภาพดีมีมาตรฐาน

ข้อเสียของการร้อยไหม การร้อยไหมอาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี ไม่ได้ตามความคาดหมาย ถ้าไม่ได้ร้อยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพราะต้องวางไหมให้อยู่ในชั้นผิวหนังที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา และอยู่ที่ความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการประเมินโครงหน้า และรูปหน้าของแต่ละท่าน เพื่อเลือกใช้ไหมที่เหมาะสมกับปัญหาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และคุณภาพของไหมถ้าไม่ได้มาตรฐานก็อาจจะทำให้การร้อยไหมไม่เห็นผลค่ะ

ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม

• ถ้าทำการร้อยไหมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทำในคลินิกที่มีมาตรฐาน ค่อนข้างมีความปลอดภัยสูงและไม่มีผลข้างเคียงตามมาเลยค่ะ
• แต่ถ้าไม่ได้ร้อยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจจะมีอาการบวมและเขียวช้ำได้มากขึ้น หรือผลลัพธ์ที่ได้ออกมาไม่ดี ผิวหนังเกิดรอยย่น หรือบุ๋ม หรือไม่เท่ากัน
• หรือถ้าไม่ได้ร้อยกับคลินิกที่มีมาตรฐาน อาจจะมีผลข้างเคียงที่เกิดจากการควบคุมมาตรฐานการติดเชื้อได้ค่ะ

ชนิดของไหม  :  แบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำไหม

 𝗫     ไหมไม่ละลาย (ไหมโลหะ , ไหมทองคำ )

ซึ่งในปัจจุบันไม่ใช้แล้ว เนื่องจากมีผลข้างเคียงตามมา เช่น ทำให้ใบหน้าผิดรูปในระยะยาว เกิดการอักเสบของผิวหนัง และไม่สามารถเข้าเครื่องตรวจ X-ray , CT Scan ได้

✔️ ไหมละลาย (Absorbable Sutures)

คือไหมที่ใช้ในทางการแพทย์ สำหรับเย็บแผลผ่าตัด และอวัยวะภายในร่างกาย ซึ่งสามารถละลายได้เองตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ มีความปลอดภัยสูง นำมาใช้ในคลินิกความงาม โดยออกแบบขนาดความหนา ความยาว และรูปร่างให้เหมาะสมกับบริเวณต่างๆที่จะทำการร้อยไหม เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อิลาสติน และช่วยเรื่องยกกระชับผิวในบริเวณต่างๆ ซึ่งสามารถเข้าเครื่องตรวจ X-ray และ CT Scan ได้โดยไม่มีผลข้างเคียง

ในปัจจุบันไหมละลายผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทย และ FDA จากอเมริกา ด้านความปลอดภัย

ชนิดของวัสดุที่ใช้ทำไหมละลาย ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

• ไหมละลาย PDO (Polydioxanone) เส้นสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นปานกลาง ไม่มีความระคายเคือง เป็นไหมละลายชนิดแรกที่ถูกนำมาใช้ในคลินิกความงาม และเป็นที่นิยมมากที่สุดตั้งแต่เริ่มใช้ มาจนถึงปัจจุบัน อยู่ได้นาน 8-12 เดือน

• ไหมละลาย PLLA (Polylactate) เส้นสีขาวใส ทนต่อแรงดึงได้ดี แต่ขาดความยืดหยุ่น อาจพบปัญหาไหมขาด และไหมทะลุได้บ่อย ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เนื่องจากมีปัญหาเยอะและผลลัพธ์ไม่ค่อยดี อยู่ได้นาน 18-24 เดือน

• ไหมละลาย PCL (Polycaprolactone) เส้นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นสูงสุด แข็งทนทานไม่เปราะหักง่าย และได้รับความนิยมใกล้เคียงกับ PDO อยู่ได้นาน 24-36 เดือน

ชนิดของไหม  :  แบ่งตามรูปร่างลักษณะของเส้นไหม

• ไหมเรียบ (Mono Thread) หรือบางคนเรียกว่าไหมคอลลาเจน

เป็นไหมเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยง ใช้ช่วยในเรื่องกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวที่อิ่มฟู เต่งตึงมากขี้นผิวเรียบและแน่นขึ้น

• ไหมเงี่ยง หรือไหมก้างปลา (COG, BARB, Molding COG, Carving COG)

เป็นไหมที่มีเงี่ยงไหมเล็กๆ เรียงตัวรอบเส้นไหม อาจจะเรียงเป็นคู่ ไปทางเดียวกัน หรือเรียงย้อนสวนทางกัน หรือเรียงเป็นเกลียวรอบทิศทางก็ได้ ทำให้มีแรงยกกระชับผิวได้ดี

ไหมเงี่ยงแบบเก่า เงี่ยงจะเล็กและไม่ค่อยมีความแข็งแรง เนื่องจากขั้นตอนการผลิตไหมเงี่ยงแบบเก่าจะผลิตออกมาเป็นเส้นเรียบก่อนและจึงใช้เลเซอร์ตัดบั้งเส้นไหมออกเพื่อให้เป็นเงี่ยง ทำให้เงี่ยงไม่ค่อยมีความแข็งแรง

แต่ไหมเงี่ยงแบบใหม่ (Molding COG, Carving COG) ที่ทาง NYC Clinic ใช้จะมีความแข็งแรงสูง จากขั้นตอนการผลิตไหมจะหล่อเงี่ยงออกมาพร้อมเส้นไหมเลยทำให้เงี่ยงมีความแข็งแรงและมีแรงยกกระชับได้ดีมาก

• ไหมเกลียว หรือไหมถัก (Screw Thread, Roll Thread, Volume Thread)

ใช้ไหมเรียบพันเป็นเกลียวหรือถักให้แน่น เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเส้นไหม หรือเพิ่ม Volume ช่วยในการเติมเต็ม หรือการสร้างคอลลาเจนได้เพิ่มมากขึ้น

• ไหมกรวย (Silhouette Soft)

มีลักษณะเป็นปมคล้ายกรวย ติดอยู่ที่เส้นไหมเป็นระยะๆ เพื่อช่วยเสริมในการยกกระชับ ต้องใช้เข็มใหญ่ในการร้อย และมีโอกาสบวมช้ำสูง

• ไหมมิ้นท์ (Mint Lift)

เส้นไหมขนาดใหญ่ เงี่ยงไหมพิเศษหล่อขึ้นมาแบบ 3 มิติ 360 องศา สามารถเกาะกับชั้นผิวได้แน่น หลายทิศทาง เงี่ยงไหมกางชัดเจน ทำให้เพิ่มการยกกระชับได้ดี เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยเยอะ หรือมีแก้มเยอะ และยังเป็นไหมที่ได้รับการรับรองจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย

• ไหมโครงตาข่าย (Tesslift Soft)

ไหมนวัตกรรมล่าสุดในปัจจุบัน แกนไหมด้านในเป็นเส้นไหมขนาดใหญ่ เงี่ยงแบบหล่อรอบทิศทาง และคลุมด้วยตาข่ายด้านนอก เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการยึดเกาะกับผิว และการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ไหมโครงตาข่าย 1 เส้นเทียบเท่ากับการร้อยไหม 2 เส้น วัสดุมีความแข็งแรง สามารถยกกระชับและพยุงผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี มีเทคนิคการร้อยที่เฉพาะ  และยังเป็นไหมที่ได้รับการรับรองจากหลากหลายประเทศทั่วโลก และผ่านการรับรองจาก อย.ไทย

ขนาดของเข็มที่ใช้ร้อยไหม และขนาดของเส้นไหม รวมถึงความยาวของเส้นไหม

ไหมแต่ละขนาดจะมีความเหมาะสมกับบริเวณที่จะร้อยแตกต่างกัน และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน โดยที่คุณหมอจะเป็นผู้ประเมินก่อนร้อยไหมว่าควรจะใช้ไหมขนาดเท่าไหร่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างไร

ขนาดของเส้นไหมเส้นเล็กหรือใหญ่ ส่วนใหญ่เราจะวัดขนาดเป็น USP (The United States Pharmacopoeia)  ถ้าไหมเรียบ (Mono Thread) ส่วนใหญ่ใช้เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน เราจะใช้เส้นไหมที่ขนาดไม่ใหญ่มาก USP 6-0 หรือ 5-0 ถ้าเป็นไหมเงี่ยงหรือไหมก้างปลา หรือไหม Mint หรือไหมโครงตาข่าย เราจะใช้เพื่อพยุงผิวและยกกระชับผิว จะใช้ไหมเส้นใหญ่ที่มีความแข็งแรง ส่วนใหญ่จะใช้เส้นไหมขนาด USP 3 หรือ 4  การเรียงลำดับขนาดเส้นไหม ถ้าตามด้วยเลข -0 จะหมายถึงขนาดที่เล็กลง เช่น 2-0 จะใหญ่กว่า 5-0 ในขณะที่ตัวเลขที่ระบุขนาดเป็นเลขตัวเดียว (ไม่มี -0) จะหมายถึงขนาดที่ใหญ่ขึ้น เช่น 2 จะเล็กกว่า 5  

ส่วนขนาดเข็มที่ใช้ร้อยไหม จะแปรผันตามขนาดของไหมที่ใช้ ถ้าไหมเรียบ (Mono Thread) ส่วนใหญ่จะใช้เข็มขนาดเล็ก 29G – 27G ถ้าเป็นไหมเงี่ยงหรือไหมก้างปลา หรือไหม Mint หรือไหมโครงตาข่าย จะใช้เข็มขนาดใหญ่ 18G – 19G

ส่วนความยาวของเส้นไหม จะขึ้นอยู่กับบริเวณที่เราต้องการร้อยไหม ส่วนใหญ่เส้นไหมจะพับครึ่งอยู่ด้านในเข็มครึ่งเส้นและอยู่ด้านนอกเข็มครึ่งเส้น

• ไหมที่ใช้สำหรับร้อยใต้ตาจะมีขนาดสั้นมาก จะมีความยาว 35 mm
• ไหมที่ใช้สำหรับร้อยจมูก จะมีความยาว 80 mm
• ไหมที่ใช้สำหรับร้อยปลายจมูก จะมีความยาว 40 mm
• ไหมที่ใช้สำหรับร้อยหน้า จะมีความยาวอยู่ประมาณ 180 mm

เข็มที่ใช้สำหรับร้อยไหม

• เข็มแหลม ข้อดีของเข็มแหลม คือผลลัพธ์จะออกมาได้สวยกว่า แต่ต้องร้อยโดยแพทย์ที่มีความชำนาญในการร้อย เพราะมีโอกาสจะโดนเส้นเลือดได้มากกว่า ทำให้มีอาการบวมช้ำได้มากกว่า แต่ถ้าร้อยโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์จะออกมาได้สวยและอาการบวมช้ำเกิดขึ้นได้น้อยมาก
• เข็มทู่ แบบ L-Type จะเป็นเข็มที่กึ่งแหลมกึ่งทู่ ทำให้การร้อยออกมาได้สวย และไม่ค่อยมีผลข้างเคียงเรื่องอาการบวมช้ำตามมา
• เข็มทู่ แบบ W-Type จะเป็นเข็มทู่ หัวเข็มจะมนไม่มีความแหลม ถ้าร้อยโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญก็ให้ผลลัพธ์ที่ออกมาสวยได้เช่นกัน และไม่มีผลข้างเคียงเรื่องอาการบวมช้ำตามมา

มีโรคประจำตัวร้อยไหมได้ไหม

ผู้ที่มีโรคประจำตัว แนะนำปรึกษาแพทย์ที่ดูแลรักษาโรคประจำตัวของท่านก่อน และปรึกษาแพทย์ผู้ที่จะทำการร้อยไหมให้ด้วยค่ะ เพราะโรคประจำตัวแต่ละโรคก็มีระยะที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล อาจจะต้องประเมินเฉพาะเป็นรายบุคคลด้วยค่ะ

ขั้นตอนการร้อยไหม

• ปรึกษาแพทย์ ให้แพทย์วิเคราะห์ใบหน้าก่อนทำการร้อยไหม
• คลีนหน้า ทำความสะอาดใบหน้าบริเวณที่จะทำการร้อยไหม
• อาจจะทายาชาแบบครีมร่วมด้วยได้ เพื่อช่วยลดอาการเจ็บ
• ฉีดยาชาบริเวณที่ทำการร้อยไหม
• ร้อยไหมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
• ทำความสะอาดใบหน้าหลังจากร้อยไหม
• นัดตรวจ Follow Up ติดตามผลลัพธ์

ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม

ผลข้างเคียงปกติที่เกิดขึ้นได้ ไม่เป็นอันตราย

อาจจะมีอาการบวม หรือเขียวช้ำ และตึงบริเวณที่ร้อยไหม ซึ่งจะเป็นไม่มาก และจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองได้ใน 7 – 14 วัน

สำหรับผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น  เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ติดเชื้อ ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะเกิดจากการร้อยไหมกับหมอเถื่อน คลินิกเถื่อน ไม่ได้ใช้ไหมที่ปลอดภัย ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ร้อยไหม ควรพิถีพิถันในการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้นนะคะ

การเตรียมตัวก่อนร้อยไหม

ควรงดยาละลายลิ่มเลือด หรือยาลดการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ยาแผนโบราณ วิตามินอาหารเสริมต่างๆ อย่างน้อย 7-14 วันก่อนทำการร้อยไหม

การดูแลหลังร้อยไหม

ควรดูแลแผลบริเวณที่ร้อยไหม ทำความสะอาดแผล งดโดนน้ำ 1-3 วัน ตามชนิดของไหมที่ร้อย

ควรงดอาหาร ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรงดสูบบุหรี่ 5-7 วัน

เราใช้ไหมก้างปลาชนิดพิเศษ ไหมชนิดนี้จะมีเงี่ยงเล็กๆที่ผิวของไหมเพื่อช่วยในการเกาะพยุงผิวให้ยกกระชับได้มากเป็นพิเศษ